วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังในสุนัข : ขี้เรื้อน เชื้อรา กลากเกลื้อน ยีสต์ แบคทีเรีย



สมุนไพรหมักกำจัด ขี้เรื้อน รา ยีสต์ แบคทีเรีย


                 Puppy Love Thai Herb Mask for Dog สมุนไพรจริงอบแห้งแล้วมาบดละเอียด (Thai Herb) สำหรับกำจัดขี้เรื้อน  เชื้อรา ยีสต์ แบคทีเรีย  

ส่วนประกอบ 

1. ขมิ้นชัน (Turmeric) มีฤทธ์กำจัดแบคทีเรีย เรื้อน สร้างผิวใหม่ได้ดี


2.เหงือกปลาหมอ (Sea holly)  หนามอย่างแหลมคม กำจัดยีสต์ ชันตุ แผลพุพอง น้ำเหลือง แผลสะเก็ดแห้ง


3.เสลดพังพอนตัวเมีย (Barleria lupulina) เพราะฤทธิ์เยอะกว่าตัวผู้ (เรื่องจริง)  ช่วยเรื่องแผลเน่า  แผลเนื้อตาย แผลติดเชื้อไวรัส





4.ทองพันชั่ง (Dainty spure)  เชื้อราเลย  ตัวนี้กำจัดเชื้อรา  กลาก เกลื้อน




5.มะกรูด (Makrut lime) เป็นพืชที่มีน้ำมันเยอะช่วยเรื่องผลิตขนใหม่ได้ดี ลดขนร่วง



6 ไพล ( Cassumunar ginger) กำจัดเห็บหมัดระดับกลาง , กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่




7.กำมะถันเหลืองชนิดบริโภค(Human , Food Grade) ฆ่าเชื้อในผิวหนังถลอกได้ดี  ลดการติดเชื้อเพิ่ม เลียได้   ส่วนประกอบที่ลงตัวไม่แสบร้อน สุนัขเล็กใช้ได้ สุนัขใหญ่ใช้ดี กำมะถันเหลืองคือ Sulfur แต่กำมะถันแดงคือสารประกอบ Arsenic disulfide  คนละเรื่องกับกำมะถันเหลืองเลย  กำมะถันแดงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง 

  • ซึ่งมีหลายท่านนำกำมะถันเหลืองส่วนหนึ่ง ใช้ผสมใส่อาหารให้สุนัขกินเพียงเล็กน้อย (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนให้สัตว์เลี้ยงกินทุกครั้ง)  เพราะกำมะถันเหลือง รักษาโรค เรื้อน มะเร็ง คุดทะราด ฆ่าเชื้อ ในข้อในกระดูก ล้างพิษ สะสมที่อยู่ในข้อในกระดูก แก้โรคผิวหนัง  
        ทุกวันนี้ กำมะถันเหลือง ใช้ปรุงยาให้คนกิน  แก้โรคประดง เรื้อน สะเก็ดเงิน ผื่นค้นตามร่างกาย และโรคมะเร็ง แต่ใช้ปริมาณน้อย. จะทำให้โรค  ต่างๆ หายได้ดี  นอกจากในกำมะถันยังเป็นแร่ธาตุหนึ่งในร่างกายมนุษย์และสัตว์ ซึ่งได้จากการรับประทาน เช่น ทุเรียน อาหารทะเล  ไข่  เป็นต้น



วิธีการใช้งาน
1.ตักผงสมุนไพรประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาด หรือ น้ำมันธรรมชาติ ประมาณ 250 ซีซี เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกรูด น้ำมันงา   น้ำมันมะกอก  หรือ น้ำมันธรรมชาติอื่นๆที่ช่วยบำรุงขนยิ่งดี  เพราะส่วนผสมบางตัวของสมุนไพรจะละลายในน้ำมันได้ดี 

  • (ต้องการเข้มข้นเน้นการรักษาใส่ 2 ช้อนโต๊ะ  ต้องการเจือจางเน้นบำรุงผิวหนังขนใช้ 1 ช้อนโต๊ะ)

2.ชโลมผิวหนังที่มีปัญหา ทิ้งไว้ 15-30นาทีขึ้นไป  ล้างออกด้วยน้ำเปล่า หรือไม่ล้างออกก็ได้ หรือ ล้างออกด้วย แชมพูสมุนไพรเข้มข้น สูตรกำจัดรา ยีสต์ แบคทีเรีย Puppy Love Thai Herb Pet Shampoo (สีเขียว)   
3.สัตว์เลี้ยงเลียได้ไม่มีอันตราย   กรณีเป็นเฉพาะจุดสามารถทาเฉพาะที่แล้วทิ้งไว้ได้หรือล้างออกเมื่อต้องการ


สามารถชมคลิปวิธีการใช้งานได้ที่ >>>>>>  


สูตรโบราณที่มีมายาวนาน ไม่ต้องไปหาซื้อส่วนผสมที่วุ่นวาย ด้วยสมุนไพรมากกว่า 5 ชนิดใน 1 กระปุก ราคาเพียง 250 บาท เท่านั้น 




ทำไมผิวหนังสุนัขแมว จึงเป็นเรื้อน รา ยีสต์ ง่ายกว่ามนุษย์  แล้วต้องป้องกันอย่างไร
เชื้อรา ยีสต์ แบคทีเรีย
  •  ตอบคือ  ผิวหนังมนุษย์มีค่า pH 5.5-5.7  ซึ่งกรดอ่อนๆ ซึ่งรา เรื้อน ยีสต์ ไม่สามารถอาศัยในสิ่งแวดล้อมนี้ได้  แต่เมื่อไหร่ค่าpH มนุษย์เปลี่ยนจากกรดอ่อนๆไปทางด่างเมื่อไร ร่วมกับความเปียกชื้น  จะพบเชื้อราได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจุลชีพในผิวหนังและรูขุมขนของสุนัขแตกต่างจากมนุษย์อีกด้วย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคผิวหนังได้ง่ายกว่า
  • ในส่วนของสุนัข แมว มีค่าpH 6.5-7.8   ตัวไหนมีค่าpH 7.8 ซึ่งมีสภาวะด่างร่วมกับความเปียกชื้น ซึ่งสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ส่งผลต่อการเกิด รา ยีสต์ แบคทีเรียช่วยโอกาส ง่ายกว่า ค่าpH 7 ซึ่งเป็นกลาง หรือ เป็นกรดอ่อนๆ


ดังนั้นนี่คือเหตุผล ที่ไม่สามารถนำแชมพูคนมาใช้กับสุนัขเพราะค่าpHต่างกัน ,ชั้นผิวหนังต่างกัน(บางกว่าคน) , Normal flora ต่างกัน  ความทนทานต่อสิ่งเร้าหรือน้ำยาต่างๆ ก็แตกต่างกันอีกด้วย 

การป้องกันโดยให้หลักการจัดการสิ่งแวดล้อม
  • แต่ในบางครั้ง การดูแลโดยไม่ต้องใช้ยาคือการทำให้ผิวหนังสุนัขที่เกิดปัญหาแล้วมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ชั่วคราว แต่ไม่ควรทำเป็นประจำ  หรือ เป็นกลางถาวร จะแก้ไขปัญหาได้ 
  • การหมักด้วยสมุนไพร(ไม่มีส่วนประกอบทางยา) ของPuppy Love ป้องกันและบำรุงผิวหนัง  2-3เดือนต่อ1ครั้ง หรือ เมื่อเกิด รา ยีสต์ แบคทีเรีย เป็นการปรับสภาพผิวหนังให้เป็นกลาง รา ยีสต์ แบคทีเรียจะหายไปเอง เลียได้ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์  



  • ใช้สเปรย์ Puppy Love Treatment Spray  เพราะมีส่วนประสมของSilver Nano ที่มี% ,ค่าppmที่เหมาะสม เลียได้ไม่เกิดอันตรายต่อสัตว์ ไม่ทำให้ผิวหนังดำ  นอกจากนี้ยังมีส่วนประสมของ ว่านหางจระเข้(Alovera) , น้ำมันมะพร้าว(Coconut Oil) วิตามินบี5 (Pro VitB5) ,หนอนตายหยาก(Stemonae)
  • หรือใช้ร่วมกับแชมพู กำจัดรา ยีต์ แบคทีเรีย ได้ เพื่อเพิ่มระยะเวลาหายให้เร็วขึ้น  ลิงค์ 👉http://puppylovebellydog.blogspot.com/2019/10/blog-post.html

   
การรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเอง
  • การใช้แชมพูยาโดยมีส่วนประกอบ 2% Chlorhexidine Gluconate (แบคทีเรีย ยีสต์) , 2% Miconazole (กลุ่ม Ketoconazole)รักษาเชื้อรา ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่อง อาจมีการดื้อยาและผิวแห้งได้

ขี้เรื้อน
  • ส่วนเรื้อนแห้งเกิดจากปรสิต Scrabies Mite(ติดต่อสู่ตัวอื่นได้) ส่วนเรื้อนเปียกเกิดจากปรสิตDemodex Mite(ไม่ติดต่อสู่ตัวอื่น) สามารถป้องกันด้วย.......การดูแลความสะอาดและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน  ถ้าScrabies Mite , Edemodex Mite มีจำนวนเยอะก็ทำให้เกิดเรื้อนได้ ถ้าเป็นแล้วรักษาโดยการใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide ,  หมักสมุนไพร Puppy Loveกำจัดเรื้อนไรที่รูขุมขนและผิวหนัง ,ยา Ivermectin , ยาอีกตัวที่เป็นทางเลือก คือ Milbemycin (Interceptor) โดยให้เป็นประจำทุกวัน , Amitraz (Mitiban) แบบใช้ภายนอกสำหรับแช่คะ


ปล.ยา Ivermectin เป็นยาที่ใช้บ่อยที่สุดในการรักษา แต่ต้องระวังการใช้ในสุนัขสายพันธุ์ที่ใช้เฝ้าฝูงสัตว์ (herding breed) เนื่องจากมีความไวต่อยาสูง ผลข้างเคียงจากยาที่สามารถพบได้ เช่น อาการซึม ตัวสั่น การเสื่อมทางจิตและความจำ เดินกะเผลก ตาบอด และอาการทางระบบประสาทอื่น ๆ แต่พบน้อยและน้อยมากกกคะ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งที่ใช้ยาทุกชนิด  เพราะตับไตของสุนัขมีขนาดเล็กกว่าคนมาก ดังนั้นการกรองของเสีย สารพิษ จะไม่เท่าคน  ดังนั้นจึงควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์



หมาอบสมุนไพร กำจัดโรคผิวหนัง ปลอดภัย เลียได้

เอ้ยยย!!!  ที่มันลูกเจี๊ยบนี่น่า



Do not hesitate. Please DM to admin. 
Nice to service you all.🥰

Contact at   T.090-8907733

Shoppee>>> shopee.co.th/puppylovethailand

ลาซาด้า >>> https://s.lazada.co.th/s.9CuKN

Tiktok >>> Puppy Love Thailand

Line shop >>> https://shop.line.me/@txh4490r

Line ID >>>   https://line.me/ti/p/xNS5NcNrkk

Line ID >>> 0616919192

                                         https://line.me/ti/p/xNS5NcNrkk



วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

9 สาเหตุที่ทำให้สุนัขขนร่วง และ วิธีการดูแล


9 สาเหตุที่ทำให้สุนัขขนร่วง และ วิธีการดูแลผิวหนัง ขน

สุนัขขนร่วงนั้นจะมีสาเหตุหลัก คือ การผลัดขนตามธรรมชาติ
                     ลูกสุนัขส่วนใหญ่ จะผลัดขนตอนที่อายุประมาณ 3 -4 เดือน เพื่อเปลี่ยนจากขนเด็กไปสู่ขนผู้ใหญ่ และ ผลัดขนอีกครั้งช่วงที่เขามีอายุ 9-12 เดือน  
                     หลังจากผ่านช่วงอายุ 1 ปีไปแล้ว สุนัขจะผลัดขนประจำปี  นั่นคือ  ตัวผู้จะผลัดขนปีละ 1 ครั้ง ถ้าเป็นตัวเมียจะผลัดขนปีละ 2 ครั้ง คือผลัดขนปรกติ และการผลัดขนก่อนที่จะเป็นสัด       มีบางสายพันธ์จะผลัดขนบ่อยมากเช่น เยอรมัน เชพเพิร์ด ซึ่งจะผลัดขนทั้งปี หรือ บางสายพันธ์ที่ไม่ผลัดขน เช่น พุดเดิ้ล  ยอร์กเชีย บริชอน ฟรีเซ่เป็นต้น  
                            
                              ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนเลี้ยงสุนัขควรศึกษาให้ดี ตัวเราเหมาะกับสุนัขสายพันธ์อะไร


โดยธรรมชาติ  ในสายพันธุ์หรือพันธุกรรมเดียวกันตัวผู้จะมีขนยาวกว่าตัวเมีย


สาเหตุอื่นที่ทำให้สุนัขขนร่วงสรุปได้  9 ประการ


1. ผลัดขน  เมื่อผ่านช่วงเหล่านี้ไปแล้วสุนัขก็จะขนขึ้นได้เอง แต่ถ้าอยากให้ผิวหนังและขนที่ขึ้นใหม่แข็งแรงขึ้น ก็อาจบำรุงขน เช่นแชมพู ทรีตเมนต์ หรือ น้ำมันปลา ให้สุนัขด้วยก็ได้ ซึ่งการผลัดขึ้นอยู่สายพันธ์ข้างต้นที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย  และ รอบการผลัดขนแต่ละสายพันธ์แตกต่างกันคะ

2. สุนัขมีภาวะเครียดหรือป่วย หรือ หลังคลอด และ/หรือ ช่วงที่มีระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เมื่อรักษาอาการป่วยจนหายดีแล้วหรือสุนัขหายเครียด ขนก็จะขึ้นมาสวยงามได้เหมือนเดิม

3. ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ฮอร์โมนคอร์ดิซอลสูงเกินไป ขาดฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล เป็นต้น การรักษาทำได้โดยเสริมฮอร์โมนที่ขาด หรือใช้ยาควบคุมระดับฮอร์โมนที่สูงเกินค่าปกติ แต่ต้องทำการรักษาอย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีผลข้างเคียงจากการรักษาได้ สุนัข   ซึ่งหลายตัวที่ขนร่วงเพราะฮอร์โมนเพศไม่สมดุล  สัตว์แพทย์จะรักษาอาการขนร่วงได้โดยการทำหมัน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากทำหมันแล้ว สุนัขปกติบางตัวจะมีอาการขนร่วงอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะขนจะขึ้นได้เอง โดยไม่ต้องได้รับการรักษาใด ๆ หรือ แค่กินยาบำรุงผิวหนังและขน ใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อผขนที่กำลังงอกขึ้นมาใหม่

4. ความผิดปกติทางพันธุกรรม ตัวอย่างเช่น สุนัขชิวาวาสีเทา บลู  หรือ สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน มีปัญหาขนร่วงชนิดหนึ่งที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด   แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากความผิดปกติบางอย่างที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเพศผู้ เริ่มพบอาการได้.ตั้งแต่อายุ 1-5 ปี (ขนที่หัวและขาหน้าไม่ค่อยร่วง) เมื่อขนเหล่านี้ร่วงไปก็จะไม่ขึ้นมาอีก ผิวหนังกลายเป็นสีดำ (Black Skin) อาการเหล่านี้ไม่ได้รุนแรงถึงชีวิต บางรายไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ บางรายตอบสนองต่อการทำหมัน บางรายกินยาบำรุงแล้วหาย หรือบางรายหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา ทั้งนี้ต้องวินิจฉัยแยก จากความผิดปกติอื่น ๆ ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะภาวะ โฮร์โมนไทรอยด์ต่ำด้วย

5. การแพ้ เช่น แพ้อาหาร แพ้น้ำลายเห็บหมัดแพ้ชมพู แพ้สิ่งที่สัมผัส เป็นต้น
ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นการแพ้อาหารก็ต้องทำการทดสอบการแพ้อาหารก่อน อาหารกลุ่มใดมีแนวโน้มว่าจะเป็นต้นเหตุของอาการแพ้ ก็ต้องหลีกเลี่ยงหรืออาจเปลี่ยนไปกินอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ในการรักษาโดยเฉพาะเลยก็ได้
ในรายที่แพ้น้ำลายเห็บหมัดสามารถรักษาได้โดยการให้กินยาแก้แพ้ เพื่อลดอาการคัน แพ้น้ำลายเห็บหมัด ร่วมกับการควบคุมปริมาณเห็บหมัดบนร่างกาย  
ถ้าแพ้แชมพูก็ต้องเปลี่ยนแชมพูกลุ่มอ่อนโยนต่อผิวหนัง (Hypoallergenic Shampoo)  ไม่ควรใส่ยาฆ่าเชื้อแรง ๆ หรือผลิตภัณฑ์ของคนในการอาบน้ำสุนัข เพราะความเป็นกรดด่างบนผิวหนังของคนและสุนัขมีความแตกต่างกัน

6. การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย หรือไรขี้เรื้อน เมื่อกำจัดเชื้อเหล่านี้หมดไป ขนจะหยุดร่วงและ
เริ่มขึ้นใหม่เหมือนเดิม ซึ่งควรปรึกษาสัตว์แพทย์ก่อนซื้อแชมพูยา  หรือ ยามารักษา

7. ภาวะขาดสารอาหาร หรือ ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อร่างกาย  ทำให้สภาพผิวหนังและขนไม่แข็งแรง ขนหลุดร่วงได้ง่าย จึงควรให้อาหารที่มีสารอาหารเหมาะสม  เช่น ถ้าเจ้าของสุนัขให้อาหารสุนัขที่ปรุงเอง ก็ควรสลับเปลี่ยนหมุนเวียนเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เสริมผัก หรือโปรตีนจากไข่ลงไปในอาหารบ้าง ไม่ควรให้กินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียวตลอด  หากกินอาหารเม็ด ควรเลือกสูตรที่ดูแลเส้นขนและผิวหนัง ซึ่งในข้างถุงมักจะเขียน ส่วนประกอบเช่น Omega3 and 6 , DHA  และ อื่นๆ ซึ่งแต่ละสูตรในแต่ละแบรนด์ จะมีวิตามิน สารอาหารที่เสริมสร้างโปรตีน Keratin Biotin Omega บำรุงรากขน ของสัตว์เลี้ยงให้เป็นพิเศษ) หรืออาจจะกินอาหารสูตรปกติหรือสูตรบำรุงผิวและขน ก็สามารถเสริมด้วยน้ำมันปลาทะเลได้  เช่น น้ำมันแซลมอน หรือน้ำมันปลาทะเลลึกได้  ****ในส่วนน้ำมันปลาแชลม่อน100%จะขอเปิดอีกหัวข้อหนึ่งนะคะ  ที่ลิงค์นี้คะ





8. อากาศและฤดู  มีผลต่อปริมาณการผลัดขนของสุนัข จะพบว่า ในฤดูร้อนปริมาณขนสุนัขจะร่วงมากกว่าฤดูอื่น หากสุนัขของท่านเลี้ยงในห้องแอร์ อาจจะไม่พบหรือพบน้อยกว่า  ซึ่งสังเกตุได้ว่าสุนัขที่เลี้ยงในห้องแอร์จะมีไขมันใต้ผิวหนังมากกว่าสุนัขที่เลี้ยงในห้องอุณหภูมิปกติ และจะมีขนหนาและยาวกว่า  ซึ่งเป็นกระบวนการปรับสภาพร่างกายเข้ากับสิ่งแวดล้อม   หมาที่อยู่ห้องปรับอากาศตลอด จะไม่ค่อยผลัด ขนแน่นมาก แต่เวลาผลัดขนจะผลัดขนเยอะมากเช่นกัน และผลัดขนออกทีเดียวรวดเดียวเลยคะ (ในส่วนสุนัขของบล๊อกเกอร์ใช้อุณหภูมิที่ 24-25 องศาเซลเซียส)  แต่มีข้อเสียนะคะ...คือ พอพาสุนัขออกมาที่อากาศร้อนนานไม่ได้ มีหอบ ลิ้นห้อย ซึ่งเห็นชัดเลยว่าร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน  (พี่เลี้ยงสุนัขคนใหม่ที่เริ่มทำงานขอใส่เสื้อหนาว) อิอิ อาร๊ายมันจะหนาวขนาดนั้น  บล๊อกเกอร์เองยังไม่เห็นหนาวเล๊ยยย

9.การอาบน้ำและการดูแลผิวหนังเส้นขน  การอาบน้ำให้น้องหมาบ่อยเกินไปนั้น ถือเป็นการทำร้ายผิวหนังและขนน้องหมาน้องแมวโดยไม่รู้ตัว  เพราะการอาบน้ำบ่อยจะเป็นการทำลายไขมันที่เคลือบผิวหนังสุนัข (Lipidocolloid) และไขมันที่เคลือบเส้นขน ทำให้แห้ง หยาบ ขาดความเงางาม  ในส่วนของตัวบล๊อกเกอร์เองเช่นกันการอาบน้ำสุนัขมีผลต่อสุขภาพผิวหนัง เส้นขน รวมทั้งการหลุดร่วง  ซึ่งพบว่า หากอาบน้ำด้วยแชมพู  แปรงขน ลงทรีตเมนต์บำรุงผิวหนังและขน อย่างน้อย  7-14  วัน ต่อ 1 ครั้ง จะพบว่า ขนหลุดร่วงน้อยลง เพราะการอาบน้ำเป็นการนำเส้นขนที่หมดอายุให้หลุดร่วงไปตามธรรมชาติโดยให้แรงของน้ำ (***ควรใช้แรงน้ำให้เหมาะสมกับสุนัขของท่าน***)  ไดร์เป่าให้แห้งด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม (***ใช้แรงลมในการกำจัดเส้นขนที่ไม่แข็งแรงให้หลุดร่วงไป***) 
          จากนั้นซับความเปียกให้แห้งสนิท  ไม่มีความชื้น โดยใช้ไดร่เปาขนที่มีคุณภาพ ไดร่ให้แห้งจริงๆ ป้องกันการเกิดเชื้อรา ยีสต์ ได้  
           หลังจากนั้น ฉีกสเปรย์ ทรีตเมนต์ตอนขนหมาดๆ หรือขนแห้งก็ได้  เพื่อบำรุงขน ผิวหนังให้ชุ่มชื้นแข็งแรง ลดเส้นขนพันกัน  ซึ่งทรีตเมนต์จะเคลือบติดผิวหนังและขนได้ดีกว่าแชมพู  พบว่าขนใหม่ที่ขึ้นมาแข็งแรง หนาขึ้น นุ่มขึ้น และ ยาวขึ้น 
            การแปรงขนก็เช่นกันเป็นจัดระเบียนเส้นขนลดเส้นขนพันกัน สามารถแปรงได้บ่อยครั้งเพื่อเก็บขนที่ร่วงตามธรรมชาติไม่ให้ฟุ้งกระจาย และเป้นการนวดผิวหนัง  บล๊อกเกอร์จะใช้ช่วงเวลาดู TV รอบค่ำมาแปรงขนไป  ดู TV ไปคะ  (แนะนำเลือกแปรงที่เหมาะสมกับขนสุนัขเพื่อลดการฉีกขาดของเส้นขน)  ทั้งนี้ทั้งนั้นเส้นขนจะยาวมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น  พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม  การดูแลทั้งภายนอกและภายใน คะ

ใครอยากให้ขนสุนัขสวยขึ้น นุ่ม และมันวาว  อันดับแรกเลย....ต้องรู้จัก Anatomy ของผิวหนัง และเส้นขนสุนัขก่อน  ซึ่งเป็นเรื่องราวที่หัวยุ่งรุงรัง  ขี้เกียจจะเข้าใจ  แต่วันนี้จะขออธิบายแบบง่ายๆ นะคะ


⇰ชั้นหนังกำพร้าของสุนัข (Canine epidermis) มีเซลล์ 3-5 เซลล์  จะมีการผลัดเซลล์ทุก 20 วัน  มีค่า pH 7-7.5 (pH ของสุนัขและแมวใกล้เคียงกัน)  ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ ที่มี 10-15 เซลล์ ผลัดเซลล์ผิวหนังทุก  28 วัน   ค่า pH 5.5 นั่นบ่งบอกว่าสุนัขมีผิวหนังที่บอบบางและใหม่กว่ามนุษย์ ผิวหนังสุนัขและแมวมีค่าสมดุลกรดด่างเป็นกลาง  แต่มนุษย์มีค่าสมดุลกรดด่างผิวหนังเป็นกรดอ่อนๆ
*** เน้นเลยคะ ห้ามใช้แชมพูเด็กอ่อน แชมพูคน เพราะ ค่าpH แชมพูคนมีความเสี่ยงจะทำร้ายผิวหนังสุนัขและแมวได้***
ลักษณะแชมพูสุนัขที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง
1. pH Balance 7 ซึ่งใกล้เคียงกับค่า pH ในผิวหนังสุนัขและแมว ดังนั้นแชมพูตัวนั้นจะไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ถ้าเป็นแชมพูที่กำจัดยีสต์ แบคทีเรีย เชื้อราโดยตรง มีการกำจัดหลายแบบ เช่น ปรับค่า pH จะสังเกตุว่า pH จะเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งกรดอ่อนจะเป็นสภาวะที่เชื้อรา แบคทีเรีย จะไม่สามารถดำรงชีพได้  หรือ ใส่ยา เป็นต้น
2.ล้างออกง่าย (Easy Rinse Cleaning) ซึ่งหมายถึง การล้างน้ำและเชื้อโรค สิ่งสกปรกต่างๆออกจากเส้นขนและผิวหนังได้ง่าย ช่วยลดความเสี่ยงสิ่งสกปรกตกค้าง โดยคนอาบน้ำ ไม่ต้องเกา ขัด ถู ผิวหนังสุนัขและแมวแต่อย่างใด แค่สระนวดเบาๆ สิ่งสกปรกก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
3. Mild Surfectant (ส่วนประกอบที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง) แต่ยังประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีจริง โดยผิวหนังและเส้นขนไม่แห้ง หยาบกร้าน ไม่ทำให้ชั้นผิวหนังสุนัข แมว บางลง ซึ่งในปัจจุบันนิยม SLES  หรือ  ที่ดีกว่า  ถ้าไม่ใช้Surfectant เลย หมายถึงจะไม่มีสารอะไรช่วยทำความสะอาดผิวหนังและขนเลยนะคะ  (ปล.  SLES  ปลอดภัยและดีกว่า  SLS )

4.ส่วนประกอบที่ใช้ลดแบคทีเรียในเบื้องต้น (ไม่ใช่ยา) เพื่อดับกลิ่นสาบสุนัขและแมวให้ยาวนาน  มีหลายตัวที่ใส่ในแชมพูสัตว์เลี้ยง  และมีหลายระดับการกำจัดแบคทีเรีย (Level of Antiseptic)  และหลายราคา ดังนั้นก็อาจส่งผลต่อราคาผลิตภัณฑ์ เช่นกัน 
 แม้ว่ากลุ่มแชมพูที่ใส่ Fragrance (น้ำหอม) เพื่อดับกลิ่นสาบ จะพบว่าติดทนนานกว่า กลุ่มแชมพูที่ใส่Essential Oil (น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ) ซึ่งในปัจจุบัน จะพบว่า ผู้บริโภคนิยม Essential Oil มากขึ้น แม้ไม่ติดทนนานเท่ากลุ่มFragrance เพราะผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องผิวหนังสุนัขและแมวมากขึ้น (บล็อกเกอร์แนะนำเป็นกลุ่มทรีตเมนต์สเปรย์ หลังอาบน้ำ หรือ ใช้ทรีตเมนต์สเปรย์ในช่วงเวลาก่อนอาบน้ำได้ เพราะกลุ่มนี้จะมีส่วนประกอบที่ช่วยลดกลิ่นสาบได้ดีกว่า ติดทนทานและยาวนานกว่าแชมพู ) 


Natural Hypoallergenic Shampoo and Treatment Spray 
หรือแม้ส่วนประกอบในการกำจัดเห็บหมัด ผู้บริโภคจะนิยมใช้กลุ่มสมุนไพรในการกำจัดเห็บ หมัด ไร มากขึ้นเช่นกัน  โดยหวังผลระยะยาว ซึ่งเหล่านี้ไม่เป็นพิษสะสมต่อสัตว์เลี้ยง ไม่มีผลข้างเคียงใด หากใช้ในระยะยาวนาน เช่น หนอนตายหยาก ไพร ขมิ้น สะเดา เมล็ดน้อยหน่า และอื่นๆอีกมาก หากต้องการผลในการกำตัดเห็บ หมัด ไร อย่างรวดเร็ว ให้พิจารณาสารเคมีในท้องตลาด  โดยผ่านการพิจารณาจากสัตว์แพทย์จะปลอดภัยที่สุด
5.ส่วนประกอบที่กำจัด ยีสต์ เชื้อรา เป็นส่วนประกอบทางยาที่นำมาผสมในแชมพู เพิ่มเติม เช่น 2-4%คลอเฮ็กซีดีน (Broad Spectrum)  หรือ 2%  คีโตโคนาโซล ( Kill Fungus) หรือ นำกลุ่ม Ag+ (Silver Nono tecnology ที่มีค่า ppm ที่เหมาะสำหรับการฆ่าเชื้อได้จริง ซึ่งเป็น Broad Spectrum เช่นกัน) แนะนำให้ใช้ระยะสั้น ไม่ควรใช้ยาวนาน เพราะด้วยค่า pH และความรุนแรงของยา มีผลให้ผิวหนังแห้ง  ถ้ารักษาโรคผิวหนังต่างๆจบลงแล้วให้เปลี่ยนเป็นแชมพูที่อ่อนโยนต่อผิวหนังและเส้นขน ต่อมรากขน จะดีต่อสัตว์เลี้ยงที่สุด


มาดูภาพสีได้คะ  แต่คำอธิบายภาพขาวดำชัดเจนกว่าคะ  ซึ่งบ่งบอกถึงความหนานุ่มของขน ถ้า Secondary Hair น้อย ขนก็ไม่หนานุ่ม  สามารถเทียบสุนัขเพศเดียวในสายพันธ์เดียวกันได้คะ  จะบางพบว่าแต่ละตัวมีความหนาของขนแตกต่างกัน   นุ่มสลายแตกต่างกัน แล้วจะทำอย่างให้ให้  Primary Hair and Secondary Hair มีความแข็งแรงมันวาว หนานุ่ม ????  

ส่วนความยาวมากน้อยของ Primary Hair และ Secondary Hair นั้น สามารถเร่งให้ยาวได้ ภายใต้ข้อจำกัดทางพันธุกรรมที่ส่งต่อมาทางปูย่าตาทวดของสัตว์เลี้ยงในแต่ละครอบครัว

ถ้าสุนัขอายุมาก  หรือ มีโรคประจำตัว จะพบว่า ผิวแห้งมากกว่า ความสมบูรณ์และความแข็งแรงของต่อมรากขน เส้นขน น้อยกว่า  สุนัขที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ดังนั้น ผิวหนังของสุนัขเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลภายในร่างกายด้วยน้ำมันปลา  และภายนอกด้วยแชมพูและทรีตเมนต์ที่อ่อนโยนอย่างแท้จริง

ภาพสีนี้ บอกถึงสุขภาพผิวหนังและต่อมรากขน  ซึ่งเกิดความแข็งแรง จากหลอดเลือดแดงที่ลำเลียงสารอาหารมาเลี้ยงต่อมรากขน (Hair Follicle) ซึ่งได้รับจากการรับประทาน หากร่างกายสุนัขดูดซึมได้น้อยอาจจะต้องให้อาหารเสริม พวกน้ำมันปลาได้ ให้แบบครั้งละน้อยๆแต่ให้ทุกมื้ออาหาร บางตัวกินเก่งมาก แต่ระบบการเผาผลาญดี(Metabolic)แต่กลับดูดซึมสารอาหารไม่ดี จะทำให้ตัวผอม เล็กซึ่งส่งผลไปยังสุขภาพขนอีกด้วย (ซึ่งบล๊อกเกอร์ใช้อยู่ในกลุ่มชิวาวาทีคัพ) *** ทั้งนี้ให้ผู้อ่านกินตามคำกำกับฉลากสินค้าเป็นดีที่สุด*** แต่ถ้าสุนัขมีระบบดูดซึมที่ดี ไม่จำเป็นต้องเสริม  แต่หากว่าเจ้าของต้องการเสริมก็ได้ เพื่อให้ต่อมรากขนและเส้นขนแข็งแรง ซึ่งจะพบว่าผิวหนังด้านนอกมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล สีชมพูอ่อนสม่ำเสมอ จากการดูแลโดยใช้แชมพูที่อ่อนโยน หรือ ทรีตเมนต์ในการดูและเซลล์ผิวหนังด้านนอก และปลายขนที่งอกออกมาจากผิวหนังนั่นเอง 

 "Puppy Love Hypoallergenic Shampoo" และ "Puppy Love Treatment Spray" 

ถ้าเป็นมนุษย์สามารถใช้ผลข้างเคียงจากยาตัวหนึ่งในการเร่งการงอกของผมได้   แต่สุนัขไม่สามารถทำได้ ซึ่งปริมาณยามันมีผลต่อร่างกายที่มีขนาดเล็ก ซึ่งไม่แนะนำเลย !!!   ซึ่งวิธีข้างต้นทั้งหมดนี้บล๊อกเกอร์ใช้ดูแลสุนัข อาหารหลัก อาหารเสริม น้ำมันปลา การอาบน้ำ แปรงขน ร่วมกับการคัดเลือกส่วนประสมที่เหมาะสมกับสุนัข  โดยทุกอย่างอยู่ในความเหมาะสม ปลอดภัย  เช่น ว่านหางจระเข้ , น้ำมันมะพร้าว  , Panthenol (Pro Vitamin B5)  , พืชหนอนตายหยาก เป็นต้น จึงทำใช้ภายในบ้านมาหลายปี ปลอดภัย ขนขึ้นมันวาว นุ่น แข็งแรงและยาวไว ปัญหาการผลัดขนลดลง นั่นคือ  "Puppy Love Hypoallergenic Shampoo" และ "Puppy Love Treatment Spray" ที่มีส่วนประสมที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวหนัง เส้นขน  ลื่นโดยไม่ต้องใช้ครีมนวด  กำจัดกลิ่นสาบ กำจัดแบคทีเรีย ยีสต์ และจุลชีพอื่นๆ กำจัดเห็บหมัด โดยส่วนประกอบทั้งหมดปลอดภัยสุนัขและแมว  ล้างสิ่งสกปรกออกง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งสารตกค้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารก่อมะเร็ง  pH Balance



·       ว่านหางจระเข้  (Aloe Vera) ช่วยในเรื่อง Skin Revitalization มีหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน และบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกาว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์ทางยาเย็นสมานแผลให้แผลหายเร็วขึ้น  เนื่องจากในว่านหางจระเข้มีสารอยู่ตัวหนึ่งเรียกว่า Aloctin A รักษาผิวหนังอักเสบ  ช่วยเร่งให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเพื่อซ่อมแซมผิวให้ดีขึ้น  นอกจากจะช่วยในเรื่องของการสมานแผลแล้ว ว่านหางจระเข้ยังมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อลดการอักเสบ ช่วยเติมน้ำให้ผิวทำให้ผิวชุ่มชื้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย  เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์ที่นำประโยชน์ของว่านหางจระเข้ไปเป็นส่วนผสมในรูปแบบต่างๆ เช่น รักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกระดับ 1 ,ครีมทารักษาโรคผิวหนังและแผลอักเสบ  ที่ช่วยรักษาการอักเสบของผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน  หรือ ทำเป็นโลชั่นโดยมีส่วนประกอบของวุ้นว่านหางจระเข้ และใช้ช่วยในการกำจัดรังแคและบำรุงเส้นผมให้เงางาม จากนั้นนำมาชโลมผมให้ทั่วเพื่อให้ขนดูเงางาม แล้วนวดบริเวณรากขน จะช่วยบำรุงและรักษาแผลบนผิวหนังได้อีกด้วย



·       น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)  น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัด โดยวิธีการสกัดน้ำก็จะมีรูปแบบทั้งเย็นและร้อน โดยจะใช้เนื้อมะพร้าวมาสกัด ซึ่งองค์ประกอบหลักสำคัญของน้ำมันมะพร้าวเลยก็จะเป็นกรดไขมันอิ่มตัวขนาดโมเลกุลปานกลาง เพราะฉะนั้นแล้วกรดไขมันอิ่มตัวของน้ำมันมะพร้าวจึงสามารถที่จะทำให้ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้งานรวดเร็ว ซึ่งจะมีความแตกต่างกับน้ำมันรูปแบบอื่นๆเพราะจะต้องมีการดูดซึมผ่านทางน้ำเหลืองไปอย่างระบบต่างๆภายในร่างกาย  สำหรับน้ำมันมะพร้าวไม่จำเป็นที่จะต้องออกมากินเสมอไป น้ำมันมะพร้าวน้ำสามารถที่จะนำมาใช้ในการหมัก สระ ทา เพื่อดูแลเส้นขน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือจะทำให้ผมสวย เงางามแบบธรรมชาติ (Glossier Coat ) รวมไปถึงทำให้เส้นผมดูมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนประกอบหลักเพราะสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้ดีมาก   นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวมีกรด Lauric เป็นส่วนประกอบซึ่งสามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้อีกด้วย  


·   Tea Tree Oil  ชามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxident)  และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ช่วยขับและชะล้างสารพิษ (Detox) กลิ่นของชาช่วยให้สมองและอารมณ์ของสัตว์เลี้ยงผ่อนคลาย (Aroma Relaxation)

·       Panthenol (Pro Vitamin B5)  สามารถดูดซึมเข้าสู่เส้นขนและผิวหนังได้ และจะถูกเปลี่ยนเป็น Pantothenic Acid  หรือ Vitamin B5 ทันที มีความสำคัญมากสำหรับสุขภาพขน ลดการแตกปลาย เพิ่มความหนานุ่มแก่ขน และ ให้ความชุ่มชื้นผิวและขน ลดอาการอักเสบ/แพ้คัน ของผิวหนังได้ดี  1-5% สำหรับผสมในครีมบำรุงผิว (skin care)   และ  0.5-1% สาหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair care)



·       พืชหนอนตายยาก  (Stemona Tuberosa Extract )   เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่ม Stemonine มี   ประสิทธิภาพในการกําจัดแมลง และศัตรูพืชได้ พืชหนอนตายหยากในวงศ์ Stemonaceae เป็นพืชหัวที่นำส่วนของรากมาใช้ประโยชน์ พบได้ในป่าทั่วๆ ไปของประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดจีน มาเลเซีย ลาว ไทย ฯลฯ  สำหรับประเทศไทยพบพืชหนอนตายหยากได้ทั่วไปทุกภาค และมีชื่อเรียกต่างกันตามท้องถิ่น เช่น พญาร้อยหัว กระเพียดหนู ต้นสามสิบกลีบ โป่งมดง่าม สลอดเชียงคำ ฯลฯ นอกจากนั้นพืชหนอนตายหยากในประเทศไทยยังมีความหลากหลายในชนิด (Speciesสามารถนำผลิตใช้ในเชิงอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงชีวภาพได้ ในส่วนที่ใช้กับมนุษย์และสัตว์ เช่น นำมาฆ่าพยาธิ เห็บ เหา  หนอนในแผล (เวลาสัตว์เป็นแผล)  ริ้น ไร หรือ นำมาทำแชมพูสระให้กับสุนัข แมว และสัตว์อื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีงานวิจัยตีพิมพ์หลายฉบับได้พบว่า พืชหนอนตายหยากให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเห็บหมัดในสุนัขได้ดีมากโดยที่ไม่มีผลต่อร่างกายสุนัข  (Anti-Tick and Flea)


                   และคุณสมบัติอื่นๆอีก  ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ล้างคราบสกปรกออกง่าย (Easy Rinse Cleaning) ไม่เหนียวเหนอะหนะ (Non Thickness)  กำจัดแบคทีเรีย (Anti bacteria) ลดกลิ่นสาบกลิ่นตัวได้ยาวนาน (Odorless)  ไม่ผสมสีหรือ กริสเตอร์ (Non color and Non Glitter) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environment Friendly)  ไม่มีวัตถุกันเสีย (Non Paraben)  ไม่มีซิลิโคน (Non Silicone) คุณภาพเทียบเคียงผลิตภัณฑ์มนุษย์ (Human Quality)
   
·      


Puppy Love Hypoallergenic Shampoo

Puppy Love Treatment Spray



      วิธีใช้ : 
  1. แตะน้ำที่อก และศรีษะให้ร่างกายสุนัขและแมวปรับอุณหภูมิร่างกายเสียก่อน 
  2. จากนั้นทำให้ขนเปียกน้ำให้ทั่วตัว
  3. กดปั๊มแชมพูPuppy Love Hypoallergenic Shampoo เนื้อเจลลงฝ่ามือละลายน้ำที่ฝ่ามือ  ชโลมแชมพูที่ผสมแล้วนวดให้ทั่วตัวสิ่งสกปรกจะหลุดมาง่าย โดยไม่เกา ขัด ถูผิวหนัง ฟองจะน้อย พอนวดไปเรื่อยๆ จะพบว่า เนื้อเจลแชมพูจะฟอร์มตัวเป็นเนื้อโฟมนุ่ม  ปราศจากสารระคายเคือง  ทิ้งไว้ 3-5นาที  เพื่อให้ฤิทธ์หนอนตายหยาก(กำจัดเห็บหมัดไร)ได้สัมผัสผิวหนังให้ครบถ้วน  โดยเฉพาะซอกนิ้วขาทั้ง4 และ หลังใบหู  รักแร้
  4. ล้างน้ำออกง่าย ไม่เหนียวมือ ซับแห้งให้หมาด  ไดร่ขนให้แห้ง จะรู้สึกถึงสภาพขนที่นุ่มและสลวยขึ้น สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้น
  5. จากนั้นลงสเปรย์  Puppy Love Treatment Spray (ช่วงขนหมาดได้ และ ขนแห้งได้) เพื่อบำรุงขนและผิวหนัง กำจัดเห็บหมัดไร และ ลดกลิ่นตัว คงกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ สามารถสเปรย์ได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ








คลิปวิดิโอการอาบน้ำด้วยแชมพู Puppy Love แถมเทคนิคการบีบต่อมเหม็น

      ข้อบ่งใช้ :  

      😀 ในสุนัขสายพันธ์ขนาดกลางและขนาดใหญ่สามารถใช้แชมพูและทรีตเมนต์ตั้งแต่ 45 วันขึ้นไป
     😀 ในสุนัขสายพันธ์ขนาดเล็กสามารถใช้แชมพูและทรีตเมนต์ตั้งแต่ 60 วันขึ้นไป
     😀 เหมาะทั้งสุนัขขนสั้น  ขนยาว และไม่มีขน
     😀 เหมาะสำหรับสุนัขแก่ ที่ชั้นผิวหนังอ่อนแอ บอบบาง หรือระคายเคืองง่าย


    

"Puppy Love Hypoallergenic Shampoo" (Tea Tree Essential Oil)  
มีขนาด 300 ml  

"Puppy Love Treatment Spray" (Tea Tree Essential Oil)
มีขนาด 100 ml  

***** แนะนำใช้ Puppy Love Hypoallergenic Shampoo ควบคู่กับ Puppy Love Treatment Spray เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลผิวหนังและเส้นขนอย่างต่อเนื่อง